ดูบทความ10 สถานที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนนอร์เวย์

10 สถานที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนนอร์เวย์

หมวดหมู่: AMAZING Destinations

"นอร์เวย์เป็นประเทศที่เพรียบพร้อมไปด้วยธรรมชาติสุดสวยอลังการ ซึ่งนำมาสู่การท่องเที่ยวที่โดดเด่นในเชิงธรรมชาติไม่ว่าจะเป็น น้ำตก ภูเขา ลำธาร ฟยอร์ดมรดกโลก หรือแม้กระทั่งแสงเหนือที่ใครหลายคนใผ่ผันไว้ว่าจะได้มีโอกาสได้พบเห็นสักครั้งหนึ่งในชีวิต"
 
โดยวันนี้เราได้รวบรวมมาทั้งหมด 10 สถานที่ซึ่งรับรองได้เลยว่าหากได้ไปสัมผัสสถานที่จริงแล้วไม่มีคำว่าผิดหวังอย่างแน่นอน
 

โลโฟเทน (Lofoten)
โลโฟเทนเป็นชื่อชื่อหมู่เกาะที่ตั้งอยู่เมือง Nordland มี 5 เกาะหลักๆคือ Austvagoya, Gimsoya, Vestvagoya, Flakstadoya และ Moskenesoya เนื่องจาก Lofoten เป็นเมืองแห่งการประมงซึ่งมีประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า 6,000 ปีโดยชาวไวกิง ทำให้สถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังคงกลิ่นอายเกี่ยวกับการประมงอยู่ ยกตัวอย่างเช่นที่โรงแรมบางแห่งที่ลงท้ายด้วยคำว่า Rorbuer (โรบูเอ้) คือกระท่อมชาวประมงสีแดงสดที่เมื่อก่อนใช้เป็นที่อยู่อาศัยในช่วงหน้าหนาวเพื่อมาจับปลาคอดจำนวนมาก แต่ในปัจจุบันถูกทำมารีโนเวทให้เป็นโรงแรมเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสบรรยากาศได้อย่างเต็มอิ่ม

เมืองทรอมโซ่ (Tromso)
ฟังแล้วอาจไม่ค่อยคุ้นหูสำหรับใครหลายคน แต่สำหรับผู้ที่มีใจรักในการดูแสงเหนือ เมืองนี้ถือว่าเป็นจุดหมายที่ค่อนข้างสำคัญเลย เพราะเป็นทั้งเมืองที่มีสนามบินอยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง เมืองทรอมโซ่ตั้งอยู่ 350 กิโลเมตรเหนือเส้น Arctic Circle โดยมีประชากรราว 75,000 คนอาศัยอยู่ จริงๆแล้วเมืองทรอมโซ่ไม่ได้เป็นเพียงหนึ่งในเมืองแห่งแสงเหนือที่ดีที่สุด แต่ยังเป็นแหล่งดึงดูดนักศึกษาจากทั่วทุกมุมโลกที่หลงไหลในแสงเหนือและดวงดาว สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญก็มีหลากหลายเช่น Arctic Cathedral, Fjellheisen Viewpoint, Tromsø Public Library, Tromsø Cathedral นอกจากนั้นยังมีกิจกรรมให้อาหารกวางเรนเดียร์อีกด้วย

ถนนแอตแลนติก (The Atlantic Road)
“The Atlantic Road” หรือ “The Atlantic Ocean Road” ถนนมหาสมุทรแอตแลนติก เริ่มก่อสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม ปี 1983 และเปิดทำการครั้งแรกในปี 1989 ก่อนที่จะมีการเพิ่มทางเชื่อมต่อระหว่างเขตคริสเตียนซุนด์ (Kristiansund) และโมลเด (Molde) ในปี 2009 ถนนเส้นนี้เชื่อมจากเมืองใหญ่ 2 เมืองคือไอเดอร์ (Eide) กับอาเวอร์รอย (Averøy) ผ่านเกาะเล็กๆ ถึง 17 เกาะ มีระยะทาง 8.3 กิโลเมตร เส้นทางนี้ประกอบไปด้วยสะพานทั้ง 7 แห่ง แต่ละแห่งจะมีจุดชมวิวและกิจกรรมแตกต่างกันไป โดยสะพานที่สูงที่สุดและสวยที่สุดของถนนเส้นนี้ นั่นก็คือ สะพาน Storseisundet ที่มีความโค้งยาว 260 เมตร นอกจากนั้น ถนนเส้นนี้ยังได้รับรางวัล “Norwegian Structure of The country” และถูกจัดให้เป็น “National Tourist Route” มรดกทางวัฒนธรรมอีกด้วย ระหว่างทางจะได้พบกับการผสมผสานระหว่างธรรมชาติและสิ่งก่อสร้างอันน่าทึ่ง ด้วยเส้นทางที่คดเคี้ยวน่าตื่นเต้น วิวทิวทัศน์ธรรมชาติรอบข้างที่สวยงาม และเป็นที่น่าจดจำของใครหลายคนจนพลาดไม่ได้กันเลยทีเดียว

เมืองทรอนไฮม์ (Trondheim)
เมืองหลวงเก่าแห่งแรก อยู่ในเขตเทรินเดลาก (Trøndelag) ทางตอนกลางของประเทศนอร์เวย์ เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ใกล้กับทรอนไฮม์ฟยอร์ด (Trondheimsfjord) ล้อมรอบไปด้วยเนินป่าเขาที่สวยงามพร้อมกับแม่น้ำนิเดลวา (Nidelva River) ที่คดเคี้ยวผ่านตัวเมือง ภายในเมืองจะเต็มไปด้วยโกดังริมแม่น้ำหลากหลายสีสัน สถานที่สำคัญมากมาย เช่น มหาวิหารนิดารอส (Nidaros Cathedral), สะพานเก่าแก่ประจำเมือง (The Old Town Bridge),พิพิธภัณฑ์ต่างๆ ที่รวบรวมประวัติศาสตร์น่าสนใจ และยังมีร้านค้าต่างๆมากมาย ให้ได้เพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งกันอีกด้วย

เมืองโรรอส (Roros)
เมืองเก่าแก่สไตล์ยุคกลาง อยู่ในเขตเทรินเดลาก (Trøndelag) ทางตอนใต้ของประเทศนอร์เวย์ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในศตวรรษที่ 17 โดยบรรยากาศรอบเมืองจะเต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือนที่นิยมสร้างด้วยไม้ทั้งท่อนแบบดั้งเดิม เป็นอาคารไม้เก่าที่สุดในยุโรป และเป็นหนึ่งในเมืองเหมืองแร่เก่าแก่ จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก (UNESCO) อีกด้วย นอกจากนั้น ภายในเมืองเราจะได้รับประสบการณ์มากมาย อย่างเช่น การได้ชิมอาหารพื้นเมือง การเข้าชมเหมืองแร่ทองแดงเก่าแก่ และยังมีกิจกรรมการปีนเขา นั่งชมทิวทัศน์โดยสุนัขลากเลื่อน และสิ่งน่าสนใจอีกมากมาย

เมืองเบอร์เกน (Bergen)
เมืองที่มีหุบเขา 7 ลูกล้อมรอบอยู่ และยังเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศรองลงมาจากกรุงออสโลด้วยประชากรราว 420,000 คน มีท่าเรือใหญ่เป็นอันดับต้นๆของนอร์เวย์ สถานที่ท่องเที่ยวประจำเมืองมีมากมาย ยกตัวอย่างเช่น ย่านท่าเรือเก่าประจำเมือง Bryggen (บรีเก็น), Mt. Fløyen (ฟลอยัน) 1 ใน 7 หุบเขาที่ล้อมรอบเบอร์เกน, Fish Market ตลาดขายอาหารทะเลที่เน้นความสดใหม่เพราะตั้งอยู่ใกล้กับท่าเรือเลย

รถไฟสายฟลอมสบาน่า (Flåmsbana)
Flåmsbana คือชื่อของขบวนรถไฟชมวิวอันเลื่องลือของนอร์เวย์ที่ใช้เวลาในการก่อสร้างทั้งหมดกว่า 20 ปี เป็นหนึ่งในเส้นทางเดินรถที่มีความสูงชันที่สุดในโลก ไฮไลท์ก็คือระหว่างทางจากเมือง Myrdal ไปเมือง Flåm ขบวนรถไฟจะเคลื่อนที่ผ่านภูเขาสูงใหญ่ น้ำตก และอุโมงค์กว่า 20 จุด และระหว่างทางจะจอดที่น้ำตก Kjosfossen ให้เราได้ลงไปถ่ายรูปกันอีกด้วย

เมืองคริสเตียนแซนด์ (Kristiansand)
เมืองท่าทางทะเล อยู่ทางตอนใต้สุดของประเทศนอร์เวย์ เมืองนี้ได้ถูกก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1641 ตามพระนามผู้ก่อตั้ง คือ พระเจ้าคริสเตียนที่ 14 แห่งเดนมาร์ก (King Christian IV of Denmark) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 5 ของประเทศนอร์เวย์ บรรยากาศเงียบสงบ หมู่บ้านอาคารเรียงรายบนหมู่เกาะ เหมาะแก่การมาพักผ่อน ตามรอยประวัติศาสตร์ และเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบมีศิลป์ เที่ยวชมสถานที่ต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นสวนสัตว์ Dyrepark, พิพิธภัณฑ์ต่างๆ และเดินเล่นชิลๆไปพร้อมกับชมวิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามเลียบชายฝั่งทะเล

Fjord คืออะไร?
Fjord (ฟยอร์ด)
คือแอ่งน้ำตามธรรมชาติที่มีความยาว กว้างและลึกมาก เกิดขึ้นจากการละลายของธารน้ำแข็งบนภูเขาที่เว้าลึกเข้ามาจากทะเลในบริเวณที่มีเขาสูงชันและขนาบด้วยภูเขาทั้งสองด้าน นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้นอร์เวย์มีฟยอร์ดที่ใหญ่และสวยงามที่สุดในโลกนั่นเอง โดยฟยอร์ดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกันก็จะมี
Nærøyfjord (นาเรฟยอร์ด)
ประสบการณ์ลืมไม่ลงกับการล่องเรือชม Fjord มรดกโลกโดย UNESCO ที่ถูกล้อมไว้ด้วยภูเขาโดยการล่องเรือจะมีทั้งแบบไป-กลับ และแบบเที่ยวเดียวไปยังเมือง Gudvangen
Geirangerfjord (ไกแรงเกอร์ฟยอร์ด)
เป็นบริเวณหุบเขาสูงชัน ที่มีธรรมชาติป่าเขาและสายน้ำที่สวยงามอลังการสุดๆ กิจกรรมยอดนิยมของนักท่องเที่ยวก็คือการนั่งเรือชมวิวฟยอร์ดพร้อมทั้งวิวสวยๆสองฟากฝั่งแม่น้ำ มีไฮไลท์คือน้ำตกขนาดใหญ่ที่ไหลลงมาจากยอดเขาสูงลงสู่แม่น้ำ

ออสโล (Oslo)
จริงๆแล้วคำว่าออสโลมีความหมายอีกอย่างคือ The Tiger City สะท้อนภาพลักษณ์แห่งความตื่นเต้นและเมืองที่เต็มไปด้วยเรื่องราว โดยหนึ่งในแลนด์มาร์คของออสโลก็คือรูปปั้นทองแดงเสือที่ตั้งอยู่หน้าสถานีออสโลซึ่งถูกสร้างขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 1,000 ปีของกรุงออสโล เมือปี ค.ศ. 2000 ออสโลเป็นเมืองหลวงของประเทศนอร์เวย์ เป็นเมืองที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นปอดของยุโรปเพราะด้วยเหตุที่นอร์เวย์เป็นประเทศที่จริงจังในเรื่องมลพิษและขยะกันมากโดยจะมีเครื่องรีไซเคิลขวดน้ำอยู่มากมายตามสถานที่ต่างๆจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เป็นเมืองที่ดูสะอาดอยู่ตลอดเวลา

31 สิงหาคม 2565

ผู้ชม 127901 ครั้ง