ดูบทความCzech Republic มรดกโลก

Czech Republic มรดกโลก

หมวดหมู่: AMAZING Destinations

เมื่อยุคคอมมิวนิสต์สิ้นสุดลง สาธารณรัฐเช็ก (Czech Republic) หรือเรียกอีกชื่อว่าเช็กเกีย (Czechia) ได้เติบโตขึ้นจนกลายเป็นประเทศที่มีชีวิตชีวาและดึงดูดนักท่องเที่ยวมาจากทั่วโลก

โบฮีเมีย (Bohemia) และโมราเวีย (Moravia) คือชื่อเรียกประเทศแห่งนี้ในสมัยอดีตกาลซึ่งถูกพวกคอมมิวนิสต์ไม่ให้ความสำคัญ แต่ปัจจุบันกลับกลายเป็นสถานแห่งประวัติศาสตร์ที่มีทั้งภาพงานศิลปะ ปราสาท และพระราชวังที่ถูกบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดี

สาธารณรัฐเช็กตั้งอยู่ตำแหน่งใจกลางของยุโรป เป็นเส้นทางการค้ามานานหลายศตวรรษและเป็นสถานที่ซึ่งความแตกต่างทางประเพณี ศาสนา และวัฒนธรรมมาบรรจบกัน ความหลากหลายทางวัฒนธรรมดังกล่าวได้สร้างมรดกทางประวัติศาสตร์อันยาวนานซึ่งถูกบำรุงรักษาไว้ในสภาพที่ดีเยี่ยม

ถึงแม้ว่าสาธารณรัฐเช็กรอดจากความเสียหายครั้งใหญ่จากสงครามโลกทั้งสองครั้ง แต่ผลพวงจากการทำลายล้างชุมชนชาวยิวและการถูกขับไล่จากผู้นำคอมมิวนิสต์ชาวเยอรมันหลังจากปี 1945 ได้สร้างความเสียหายอย่างหนักแก่ประเทศ

นับตั้งแต่การปฏิวัติกำมะหยี่ (Velvet Revolution) ในปี 1989 ซึ่งเป็นการประท้วงต่อต้านรัฐบาลพรรคการเมืองเดียวของพรรคคอมมิวนิสต์เชโกสโลวาเกีย เพื่อให้มีการวางแผนฟื้นฟูระบบเศรษฐกิจและเปลี่ยนการปกครองของประเทศเป็นแบบสาธารณรัฐระบบรัฐสภา สาธารณรัฐเช็กได้พบกับความเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างมาก ในขณะนั้น ผู้ที่อยู่ในฝั่งการปกครองของสหภาพโซเวียตได้พบว่าการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมนี้ได้รับการก่อกวนอย่างหนัก ประชาชนรุ่นใหม่จึงได้ลุกขึ้นรวมพลังเพื่อการเปลี่ยนแปลงกับสิ่งที่ดีกว่า และได้สลัดคราบประเทศคอมมิวนิสต์ในเวลาอันรวดเร็ว 

ในปัจจุบัน องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือ UNESCO ได้ขึ้นทะเบียนให้หลายๆสถานที่ในประเทศที่เป็นมรดกโลกอีกด้วย เช่นเมืองมิคูลอฟ (Mikulov), ปราสาทเลทนีซ (Lednice Castle), เมืองเบอร์โน (Brno), เมืองโกรเมอร์รีซ (Kromeriz), เมืองเชสกี้ คลุมลอฟ (Cesky Krumlov) และเมืองอื่นๆอีกมากมาย

มิคูลอฟ (Mikulov)
เมืองทางตอนใต้ของแคว้นโมราเวีย ที่อยู่ทางตอนใต้ของเช็ก เมืองตั้งแต่ศตวรรษที่13 ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของโมราเวียใกล้กับพรมแดนออสเตรีย เป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมผสมผสานและมีชื่อเสียงในเรื่องอาหารการกิน โดยเฉพาะการผลิตไวน์


ปราสาทเลดนีซ (Lednice Castle)
ปราสาทที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก (Unesco World Heritage) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 สถาปัตยกรรมสไตล์นิโอโกธิคที่สวยงามราวเทพนิยาย สิ่งที่ทำให้ปราสาทแห่งนี้มีชื่อเสียงคือหมู่อาคารราชวังและการตกแต่งสวนที่สวยงามภายในห้องต่างๆในปราสาทรวมไปถึงสนามด้านหน้าที่มีการนำดอกไม้มาตกแต่งกันได้อย่างลงตัว

เบอร์โน (Brno)
เมืองใหญ่อันดับสองของเชคที่มีอายุกว่าพันปีและยังเป็นเป็นเมืองหลวงของแคว้นโมราเวีย มีความรุ่งเรืองตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 สถานที่ท่องเที่ยวก็จะมีย่านเมืองเก่า มหาวิหารเซ็นต์ปีเตอร์แอนด์พอล จัตุรัสกลางเมือง และร้านค้าต่างๆที่คึกคัก ด้วยปัจจุบันเป็นเมืองแห่งการศึกษาและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

โกรเมอร์รีซ (Kromeriz)
ด้วยเหตุที่เป็นเมืองที่มีบรรยากาศสงบและปลอดภัย ในศตวรรษที่ 12 บิชอปแห่งโอโลมอคจึงสร้างพระราชวังที่เมืองนี้ นอกจากนี้ยังมีจัตุรัสกลางเมืองที่ได้ชื่อว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งในเช็กและได้รับการซ่อมแซมหลังจากยุคคอมมิวนิสต์ ด้วยความสำคัญและความงดงาม จึงได้รับการขึ้นทะเบียนเป็มรดกโลก 

โอโลมอค (Olomouc)
เมืองที่ตั้งอยู่ใจกลางแคว้นโมราเวียที่มีความสำคัญอย่างยิ่งกับการปกครองของอาณาจักรโบฮีเมีย เป็นเมืองตั้งแต่ยุคสมัยโรมัน ในศตวรรษที่ 6 ชาวสลาฟอพยพเข้ามาอาศัยอยู่ที่นี่ จนในศตวรรษที่ 11 เมืองมีความสำคัญทางการปกครองเพราะมีบิชอบและเจ้าเมืองที่มีอำนาจในการปกครอง 
สถานที่ท่องเที่ยวมีมากมายเช่นย่านเมืองเก่า, จัตุรัสกลางเมือง, โฮลี่ ไตรนิตี้ คอลลัม (Holy trinity column), ศาลาว่าการประจำเมือง (City Hall), น้ำพุเฮอร์คิวลีส (Hercules fountain), น้ำพุซีซ่าร์ (Caesar fountain), ร้านค้า และย่านการค้า เป็นอีกหนึ่งเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก 

ลิทอมิซิล (Litomysl)
อีกหนึ่งเมืองมรดกโลกที่ตั้งอยู่ในแคว้นโบฮีเมียตะวันออก เป็นเมืองตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 เหตุเพราะตั้งอยู่บนเส้นทางการค้าระหว่างแคว้นโบฮีเมียและโมราเวีย จึงเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าที่เจริญรุ่งเรือง บ้านเมืองสวยงามแบบเรเนสซองซ์และบารอค ตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 โดยเราสามารถเดินชมโบสถ์ประจำมืองที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ใกล้กับโบสถ์จะมีปราสาทที่ออกแบบตกแต่งผนังสวยงามแปลกตา เป็นเอกลักษณ์ และยังมีสวนสไตล์อังกฤษ และฝรั่งเศส โดยรอบปราสาท

คุทน่า ฮอร่า (Kutna Hora)
เมืองที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ชาติเช็กที่ตั้งอยู่ในแคว้นโบฮีเมียกลาง ในอดีตเป็นแหล่งเหมืองแร่เงินตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 จึงถึงได้ว่าเป็นเมืองขุมทรัพย์ของอาณาจักรเช็ก ในอดีตเป็นเมืองที่รุ่งเรืองเฟื่องฟู มีสิ่งก่อสร้างที่สวยงามจนได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
โดยไฮไลท์จะเป็นโบสถ์กระดูก (The Ossuary all saint cemetery church) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับโบสถ์พระแม่มารี (Monastry church of the virgin Mary) อยู่ในส่วนที่เป็นสุสาน เนื่องด้วยชาวเมืองต้องการถูกฝังร่างที่นี่ จึงมีกระดูกมนุษย์จำนวนมากมายมหาศาลจนสามารถนำมาตกแต่งภายในโบสถ์เป็นศิลปะที่ค่อยข้างจะแปลกตา

คาร์โลวี วารี (Karlovy Vary)
หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าเมืองคาร์ลสแบด (Carlsbad) เป็นเมืองที่มีการค้นพบน้ำแร่โดยพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 4 ลักษณะเมืองจะอยู่ในหุบเขาสองฝั่งแม่น้ำเทปล้า เมืองแห่งนี้ถูกค้นพบแหล่งน้ำแร่ร้อนธรรมชาติและพบบ่อน้ำพุร้อนถึง 12 แห่ง โดยเราสามารถชิมน้ำแร่ด้วยถ้วยแบบพิเศษที่ทำจากพอร์ซเลนในเมืองนี้เท่านั้น หรือซื้อเหล้าพื้นเมือง เบเชรอฟสก้า (Becherovka)

ปราสาทปราก (Prague Castle)
อีกหนึ่งสถานที่ ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่หลงใหลในความคลาสสิค สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและวัฒนธรรมที่ดี ปราสาทปรากในแต่ละปีมักจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกหลั่งไหลกันมาอย่างไม่ขาดสาย โดยที่ปราสาทแห่งกรุงปรากนั้นตั้งอยู่บนเนินเขาใจกลางกรุงปรากที่ชื่อว่า Castle Hill ในเขต Castle District ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำวิตาร่า สร้างขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 11 ด้วยศิลปะแบบโกธิค และเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงปรากเลยก็ว่าได้ ในอดีตเคยเป็นทั้งป้อมปราการ ปราสาทราชวัง ปัจจุบันทำหน้าที่เป็นทำเนียบรัฐบาลของสาธารณรัฐเช็กอีกด้วย เป็นอีกหนึ่งมรดกโลกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

สะพานชาร์ลส์ (Charles Bridge)
สะพานที่มีความยาว 520 เมตร ถือไฮไลท์อีกจุดหนึ่งของเมืองปรากจนได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสะพานที่สวยที่สุดในยุโรป จุดเด่นของสะพานนี้คือรูปปั้นของนักบุญสไตล์บารอค ที่ตั้งเรียงรายอยู่สองข้างสะพานจำนวน 26 องค์ สะพานแห่งนี้ยังเป็นจุดศูนย์รวมของนักท่องเที่ยวที่มาเยือนสะพานแห่งนี้ในแต่ละวัน ทำให้คนเยอะตลอดเวลา ส่วนตอนกลางคืนจะมีการเปิดหมวก เล่นดนตรีให้ได้รับชมอีกด้ว

เชสกี้ คลุมลอฟ (Cesky Krumlov)
เมืองยุคกลางขนาดเล็กที่มีความสวยงามที่สุดเมืองหนึ่งในยุโรปและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ไฮไลท์คือปราสาทครุมลอฟ สร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ.1250 เป็นปราสาทที่ใหญ่อันดับ 2 ของประเทศรองจากปราสาทปรากเพียงเท่านั้น มีอายุเก่าแก่กว่า 700 ปี ตั้งอยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำวัลตาวา (Valtawa River) ตรงบริเวณคุ้งน้ำพอดี

เทรบิค (Trebic)
เจริญรุ่งเรืองตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 มีโบสถ์ประจำเมือง (Basilaca of St. Procopius) ในศตวรรษที่ 13 มีการซ่อมแซมให้เป็นโบสถ์ที่สวยงาม เมืองนี้เป็นที่ตั้งของแหล่งชุมชมชาวยิวในอดีตที่อนุรักษ์ไว้อย่างดีจนเป็นอีกหนึ่งเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก

09 ธันวาคม 2562

ผู้ชม 8084 ครั้ง