จอร์เจีย (Georgia)

ประเทศที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานกว่า 2,500 ปี และภาษาจอร์เจียคือหนึ่งในภาษาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังมีการใช้อยู่ กรุงทบิลิซิ (Tbilisi) ซึ่งมีอายุกว่า 1,500 ปี ตั้งอยู่ในหุบเขาที่งดงามซึ่งถูกแบ่งโดยแม่น้ำมิทควารี (Mtkvari) พื้นที่ส่วนใหญ่ของจอร์เจียถูกยึดครองโดยเปอร์เซีย ตุรกี อาหรับและมองโกล ในระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 7 ถึง 18 ซึ่งเป็นเวลา 11 ศตวรรษที่จอร์เจียถูกปกครองโดยเผ่าต่างๆ ทั้งนี้ ในระหว่างศตวรรษที่ 11 ถึง 12 จอร์เจียได้รับการคุ้มครองจากรัสเซีย ซึ่งในที่สุดรัสเซียก็ได้ผนวกจอร์เจียเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียและเนรเทศราชวงศ์จอร์เจียในปี ค.ศ. 1801

อย่างไรก็ตาม ยังมีประชาชนจอร์เจียจำนวนหนึ่งที่ต่อต้านการปกครองของรัสเซียเมื่อระบบกษัตริย์ ของรัสเซียถูกโค่นลง สาธารณรัฐจอร์เจียก็ได้ก่อตั้งขึ้นในวันที่ 26 พฤษภาคม ค.ศ.1918 สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในจอร์เจียนั้นมีหลากหลายมาก โดยแต่ละสถานที่ล้วนมีความหมายและมีความสำคัญกับประวัติศาสตร์ของประเทศทั้งสิ้น

ทบิลิซี (Tbilisi)

เมืองหลวงของประเทศจอร์เจียและเป็นจุดหมายหลักในการเริ่มต้นสำรวจประเทศน่าเที่ยวแห่งนี้ เสน่ห์ของทบิลิซีคือการรักษาเอกลักษณ์ของเมืองเก่าที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 5 ควบคู่ไปกับการพัฒนาบ้านเมืองให้ทันสมัยได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตัวเมืองตั้งอยู่ในหุบเขา ถูกแบ่งออกเป็นสองฝั่งโดยแม่น้ำมิทควารี (Mtkvari)

วิหารซาเมบา (Tbilisi Sameba Cathedral)

สัญลักษณ์แห่งจอร์เจียยุคใหม่ ตั้งอยู่บนเนินเขาริมฝั่งแม่น้ำคูรา สร้างขึ้นในปี 2004 เนื่องในวาระการเฉลิมฉลองการครบรอบ 2,000 ปีของคริสต์ศาสนา และ 1,500 ปีสำหรับเอกราชของคริสต์จักรจอร์เจีย ด้วยสถาปัตยกรรมร่วมสมัย เป็นวิหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจอร์เจีย มีความสูงถึง 50 เมตร และจุผู้แสวงบุญได้ถึง 15,000 คน ยอดโดมทองคำให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่อลังการ และสามารถมองเห็นได้จากทุกแห่งในกรุงทบิลิซี

ป้อมปราการนาริกาลา (Narikala Fortress)

ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 เพื่อปกป้องเมือง ส่วนชื่อ Nari-Kala เป็นชื่อภาษาเปอร์เซียน แปลว่า ป้อมที่ไม่สามารถตีแตก และหลายศึกก็ได้พิสูจน์มาแล้วถึงความแข็งแกร่งของป้อมนาริกาลา เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวกรุงทบิลิซีที่สวยงามเลยทีเดียว

เมืองคูเตซี (Kutaisi)

เมืองใหญ่อันดับที่สองของจอร์เจียรองจากเมืองหลวงทบิลิซี (Tbilisi) ซึ่งปัจจุบัน อาคารรัฐสภาก็ตั้งอยู่ที่เมืองคูเตซีแห่งนี้ด้วยเช่นกัน

ถ้ำโพรมีเทียส (Prometheus Cave)

ถ้ำที่มีหินงอกหินย้อย เกิดเป็นความงดงามตามธรรมชาติที่หาชมได้ยาก ได้มีการปรับปรุงด้านในให้เหมาะแก่การท่องเที่ยว ซึ่งมีการประดับไฟงดงามตระการตา ส่วนชื่อของถ้ำโพรมีเทียส เป็นหนึ่งในชื่อของเทพในตำนานกรีก เป็นเทพผู้นำไฟมาให้มนุษย์ใช้ ทำให้มนุษย์เกิดการพัฒนา

อนุสรณ์แห่งมิตรภาพ (Monument of friendship)

กำแพงทรงครึ่งวงกลมที่แต่งแต้มศิลปะบนกำแพงมากมายสีสันสวยงาม เป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพระหว่างรัสเซียและจอร์เจีย

โบสถ์กลางเทือกเขาคอเคซัส (Gergeti Trinity)

ตั้งอยู่เหนือระดับน้ำทะเล 2,370 เมตร   Gergeti เป็นอนุสรณ์สถานทางวัฒนธรรมและเป็นหนึ่งในคริสตจักรที่ได้รับการยกย่องในรัฐจอร์เจียในศตวรรษที่สิบสี่ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ท่ามกลางก้อนเมฆ เป็นจุดชมวิวเมืองคาซเบกี และช่องเขา ดาเรียล (Darial) อันโด่งดัง

ไปจอร์เจีย กินอะไรดี? 

คาชาพูรี่ (Khachapuri)

อีกหนึ่งอาหารพื้นเมืองยอดนิยมของจอร์เจีย มีส่วนประกอบหลักคือ แป้ง ชีส และไข่ โดยลักษณะการปรุงจะคล้ายกับพิซซ่าแต่รูปทรงจะออกคล้ายรูปเรือซะมากกว่า วิธีทำก็ไม่ซับซ้อนสักเท่าไหร่ เพียงนำชีสและแป้งเข้าอบในเตาอิฐ เมื่อถึงเวลาก็นำออกมาตอกไข่ใส่ตรงกลางและใส่เนยเล็กน้อย วิธีรับประทานก็คือผสมทุกอย่างให้เข้ากันจากนั้นทานคู่กับแป้งที่เสิร์ฟมาด้วยกัน

ฮินคาลี (Khinkali)

อีกหนึ่งอาหารประจำชาติ หน้าตาคล้ายเกี๊ยวจีนที่สอดไส้ด้วยเนื้อสับ เป็นอาหารยอดนิยมในจอร์เจีย

ชูเชลา (Churchkhela)

ขนมพื้นเมืองของจอร์เจีย ลักษณะเรียวและยาวคล้ายกับเทียนไข โดยมีส่วนประกอบหลักคือ น้ำองุ่น ถั่วชนิดต่างๆ ช็อคโกแลต และบางทีอาจจะมีลูกเกตในบางสูตร โดยนำถั่วไปร้อยกับเส้นด้ายคล้ายกับการร้อยพวงมาลัย จากนั้นนำไปจุ่มน้ำองุ่นที่ผสมกับแป้ง จากนั้นนำไปผึ่งลมให้แห้ง รสชาติจะออกหวานเป็นหลัก และเนื้อสัมผัสจะมีความเหนียวอยู่