Baku (บากู) คือชื่อของเมืองหลวงแห่งประเทศอาเซอร์ไบจาน หนึ่งในเมืองที่มีการเติบโตเร็วที่สุดในโลก ตั้งอยู่บน Caspian Sea (ทะเลแคสเปียน) ตัวเมืองบากูจะมีความโดดเด่นในเรื่องของการผสมผสานกันระหว่างสิ่งก็สร้างโบราณและสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ เช่น Icheri Sheher (ย่านเมืองเก่าบากู) ที่อยู่เคียงข้างกับ The Flame Towers (ตึกสูงระฟ้าประจำเมือง) เราจะไปดูกันว่าไฮไลท์ประจำเมืองบากูที่ไม่ควรพลาดนั้นจะมีอะไรบ้าง

The Flame Towers

ตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในบากูที่มีความสูง 190 เมตร  อาคารประกอบด้วยอพาร์เมนท์ โรงแรม และสำนักงานหรูหรา โดยงบประมาณของ Flame Towers นี้อยู่ที่ประมาณ 350 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 1 หมื่นล้านบาทไทย เริ่มก่อสร้างในปี 2007 แล้วเสร็จในปี 2012 

โดยแรงบันดาลใจในการสร้างตึกแห่งนี้ หลักๆแล้วจะมาจากประวัติศาสตร์ของประเทศที่เป็นที่กล่าวขานกันมาเนิ่นนานว่าเป็นประเทศแห่งไฟ ฉะนั้น ทั้งสามอาคารจึงถูกนำไฟ LED มาติดตั้งทั้งตึกเพื่อให้ดูเหมือนกองไฟที่ไม่เคยดับลง

Icheri Steher (The Old City)

ย่านเมืองเก่าแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบากูและเคยเป็นสถานที่แห่งแรกประเทศที่องค์การยูเนสโกประกาศให้เป็นมรดกโลก ปัจจุบันเป็นที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน ร้านชา และร้านค้าหรูหราที่ล้อมรอบไปด้วยกําแพงซึ่งมีไว้ป้องกันตัวเมืองในอดีต

Bibi-Heybat Mosgue

ไบไบเฮบัต มัสยิดขนาดใหญ่ที่สร้างเสร็จเมื่อค.ศ.1991 ตกแต่งด้วยสถาปัตกรรมโมเสกเป็นหลักและ ถูกขนานนามว่าเป็นมัสยิดที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในโลกอีกด้วย

Heydar Aliyev Cultural Center

หนึ่งในแลนด์มาร์คสำคัญและเป็นสถานที่ๆเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งความทันสมัยของบากู ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดัง ซาฮา ฮาดิด (Zaha Hadid) รูปทรงภายนอกของอาคารคล้ายกับคลื่นสีขาว โดยภายในจะมีการจัดแสดงวัฒนธรรมความเป็นมารวมไปถึงประวัติของผู้นำอาเซอร์ไบจานตั้งแต่อดีต บางส่วนเป็นงานจัดแสดงหมุนเวียนที่จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

Gobustan National Park

บริเวณแห่งนี้ได้เกิดขึ้นมาแล้วกว่า 8,000 ปีก่อนคริสตกาล มีพื้นที่กว้างใหญ่ประมาณ 100 ตร.กม.และในอดีตราวศตวรรษที่ 12 ก่อนคริสตกาล คาดว่าเป็นพื้นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าที่มีความสามารถแกะสลักภาพบนก้อนหินได้ ทำให้นักมนุษยวิทยาหลายคนได้เดินทางเข้ามาศึกษาในระหว่างปี ค.ศ. 1961 - 2002 พร้อมกับลงความเห็นพ้องต้องกันว่า พวกสแกนดิเนเวียนได้มีการเดินทางอพยพจากทางด้านเหนือ เข้ามายังที่บริเวณภูเขาคอเคซัสแห่งนี้ เพราะว่าภาพต่างๆที่เขียนออกมามีความคล้ายกันกับของพวกทางแถบนั้นและได้รับการขึ้นทะเบียน เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2007